พลุแห่งการเฉลิมฉลองของยุคปัญญาประดิษฐ์ถูกจุดขึ้น มันสว่างวาบจนเห็นได้ชัดแม้ตอนกลางวัน หรือมืดค่ำ ตามติดด้วยเสียงกัมปนาทกึกก้อง จนต้องเอามือปิดหูด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ใช่สำหรับหลายๆคนที่ยืนจ้องดูความงดงามของพลุเหล่านั้นด้วยอาการตะลึงงัน และหลงใหล แสงสว่างที่ฉายไปสู่เส้นทางที่ไม่สิ้นสุดของความคิดสร้างสรรค์ แต่หากเส้นทางเหล่านั้นจะเป็นภาพ ‘จริง’ หรือ ‘ลวง’ ยังมีอะไรหลบซ่อนอยู่อีกหรือไม่ ภาพของผู้คนที่กำลังยืนบนหลังคาบ้านดูราวกับถูกมนต์สะกดให้รอคอยอะไรบางอย่างจุติลงมาจากท้องฟ้า จะเป็นเหล่าปัญญาประดิษฐ์, มนุษย์ต่างดาว หรือพระเจ้าองค์ใหม่ สิ่งล้ำสมัยที่ ‘พวกเขา’ นำลงมาด้วยกำลังจะพาพวกเราไปสู่ความวิวัฒน์แบบก้าวกระโดด หรือไปพบกับความวิบัติของความเป็นมนุษย์กันแน่ คัดมันดูแกลลอรี่ขอเสนอ ผลงานภาพถ่ายที่ถูกสร้างโดยการป้อนข้อมูลตัวอักษรเข้าไปสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ให้ผลิตภาพถ่ายออกมา ที่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าน่าทึ่ง และน่าตั้งคำถามในเวลาเดียวกันว่า มันจะเข้ามามีบทบาทเหนือการถ่ายภาพแบบเดิมได้หรือไม่ หรือจริงๆแล้วมันอาจเรียกว่า ‘ภาพถ่าย’ ได้หรือเปล่า ‘นภัสรพี อภัยวงศ์’ ศิลปินภาพถ่ายอิสระจากกรุงเทพฯ นิทรรศการครั้งนี้เป็นนิทรรศการภาพถ่ายเดี่ยวครั้งแรกของเขาในเมืองไทย
Artificial intelligence (AI) has sparked a new era of intellectual enlightenment. It shines brightly, illuminating even the darkest of nights. However, its arrival has also been met with fear and apprehension. Some are mesmerized by its beauty, while others are bewildered by its potential to deceive. The image of people standing on a rooftop, waiting for something to descend from the sky, is both awe-inspiring and unsettling. Could it be AI, extraterrestrial beings, or new divine entities? These futuristic beings could lead us to unprecedented heights or destroy us altogether. The photographs in this exhibition, created by AI fed with textual data, evoke both awe and questions. Can they transcend conventional photography? Are they truly photographic art? Napasraphee Apaiwong, an independent photo artist from Bangkok, presents his first solo exhibition in Thailand, which explores these questions.
(English translation by ChatGPT-3.5, Google Bard, and Akkara Naktamna)